วันอังคารที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2555

นางนพมาศ : นางเอกที่ถูกมองข้าม(3)

นางนพมาศ : ตัวละครในอุดมคติ
                นางนพมาศเป็นตัวละครเอกหญิงที่สมบูรณ์แบบตามอุดมคตินิยม (idealistic character) ดังที่ รื่นฤทัย สัจจพันธุ์ กล่าวว่า นางนพมาศเป็นตัวแบบหนึ่งของหญิงในอุดมคติของสังคม๑๙ แต่มีเรื่องราวของการดำเนินของชีวิตตั้งอยู่บนพื้นฐานของความสมจริง (verisimilitude) คือเป็นที่ยอมรับได้ในโลกทัศน์ของสังคมสมัยต้นรัตนโกสินทร์ ความสมบูรณ์แบบของนางไม่เกี่ยวกับอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์แต่อย่างใด (หากแต่จะมีพาดพิงถึงบ้างก็น้อยมาก) ผู้แต่งให้นางเกิดในตระกูลสูงคือเป็นลูกของพราหมณ์ตำแหน่งพระศรีมโหสถ ในพระราชสำนักของสมเด็จพระร่วงเจ้า นางเป็นผู้มีรูปโฉมงดงาม มีทรัพย์สมบัติ และมีปัญญา การที่ผู้แต่งให้นางนพมาศเป็นเพียงลูกขุนนาง แทนที่จะเป็นเจ้าหญิงหรือเชื้อพระวงศ์นั้น ก็เพื่อขับเน้นคุณสมบัติความเป็นสตรีอันเพียบพร้อมที่พบได้ในสตรีสามัญ  ไม่จำเป็นต้องเกิดจากความเป็นเจ้า
                นางนพมาศเป็นลูกของพราหมณ์ชื่อ พระศรีมโหสถ ซึ่งปรากฏใน กฏมณเฑียรบาล ว่า เป็นตำแหน่งของหมอหลวง ซึ่งใช้วิชาความรู้ในการประกอบอาชีพ มิใช่ตำแหน่งของพราหมณ์ผู้ประกอบพิธีสำคัญทางศาสนา  ดังนั้นอาจเป็นไปได้หรือไม่ว่า ผู้แต่งจงใจใช้ชื่อ ศรีมโหสถเช่นเดียวกับ
ตัวละคร มโหสถในเรื่องมโหสถชาดก เพื่อสื่อถึงความเป็นผู้มีปัญญาเป็นเลิศ ใช้ปัญญาเอาชนะศัตรูและสร้างชื่อเสียง ซึ่งก็จะสอดรับกับที่นางนพมาศเป็นผู้มีปัญญาเป็นเลิศและสามารถสร้างชื่อเสียงได้เช่นเดียวกัน การที่ผู้แต่งให้นางนพมาศเป็นลูกของพราหมณ์ ก็เป็นการสร้างเรื่องที่เหมาะสมแก่เหตุผลหลายประการ คือ ทำให้นางได้มีโอกาสศึกษาเล่าเรียนตามสายบรรพบุรุษ
ดังที่อ้างว่าเรียน คัมภีร์ไตรเพท ซึ่งเป็นคัมภีร์พระเวทที่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสาม ได้แก่ ฤคเวท ยชุรเวท และสามเวท ผู้หญิงที่จะศึกษาสิ่งเหล่านี้ ต้องเป็นผู้ที่เกิดในตระกูลพราหมณ์เท่านั้น และการเกิดเป็นผู้สืบเชื้อสายตระกูลพราหมณ์ ยังเชื่อมโยงไปถึงการเป็นผู้เล่าเรื่องพระราชพิธีที่เกี่ยวกับลัทธิพราหมณ์ดังที่ได้กล่าวไว้ในตอนเล่าถึง พระราชพิธีเคณฑะ ว่า

                อันว่าการพระราชพิธีเคณฑะทิ้งข่างนี้ สมเด็จพระเจ้าแผ่นดินมิได้เสด็จออกไปทรงทอดพระเนตร แต่กาลก่อนก็มิได้โปรดให้นางในไปทอดทัศนา ครั้นเมื่อข้าน้อยนี้เข้าไปรับราชการเป็นข้าพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชบรรหารดำรัสว่า ข้าน้อยเป็นชาติตระกูลพราหมณ์ จึ่งโปรดให้ไปทอดทัศนาการพระราชพิธีเคณฑะกับพระสนมกำนัลซึ่งเป็นเชื้อพราหมณ์ด้วยกัน 
(๑๒๘)

หรือที่อ้างไว้ใน พระราชพิธีพรุณศาสตร์ว่า อันว่าการพระราชพิธีพรุณศาสตร์นี้เมื่อข้ามีอายุ ๗ ขวบปลาย ได้ตามพระศรีมโหสถผู้เป็นบิดาไปทอดทัศนาครั้งหนึ่ง จึ่งจำไว้ได้” (๑๓๗) ย่อมหมายถึงว่า ถ้าเป็นผู้ที่เกิดในตระกูลอื่น ก็จะไม่ได้เห็นพระราชพิธีทั้งสองนี้อย่างแน่นอน การกำหนดให้นางนพมาศซึ่งมีฐานะเป็นตัวละครเอกเกิดในเชื้อสายของพราหมณ์ จึงเป็นการวางระเบียบของเรื่องไว้อย่างสอดคล้องกับความสมจริง
ในบทเพลงขับสรรเสริญนางนพมาศ ได้กล่างถึงรูปโฉมของนางว่า ชื่ออนงค์นพมาศวิลาศลักษณ์ ละไมละม่อมพร้อมพริ้งยิ่งนารี จำเริญศรีสมบูรณ์ประยูรศักดิ์ขณะเดียวกันนางก็เป็นนักปราชญ์ฉลาดด้วยบิดาสอนซึ่งในวรรณกรรมร่วมสมัยไม่ปรากฏว่ามีตัวละครเอกหญิงในเรื่องใดจะมีความรู้และความสามารถทัดเทียมกับนางนพมาศได้ ด้วยไม่เพียงแต่มีความรู้และปัญญาเท่านั้น  นางยังมีโอกาสได้แสดงความสามารถให้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาคนทั่วไปอีกด้วย  นอกจากนี้ นางยังเป็นผู้มีศีลาจารวัตรและใส่ใจในความปรารถนาของผู้อื่น ประกอบกับมีโวหารที่จะพูดจาให้เกิดความรักและเมตตา นางจึงไม่มีศัตรู เพราะนางได้ ซื้อใจของพวกเขาไว้ก่อนหน้าแล้วด้วยการ เอื้อเฟื้อและให้ผลประโยชน์แก่ผู้ที่อาจจะมาเป็นศัตรูในภายหลังได้ ซึ่งก็ได้แก่นางสนมนางในที่อยู่ด้วยกันในราชสำนัก นางนพมาศจึงเป็นนางเอกที่ไม่ต้องประสบความผันผวนในชีวิตเหมือนอย่างที่พบเห็นได้ในนิยายทั่วไปสมัยนั้น
                นางนพมาศเป็นตัวละครที่มีการดำเนินชีวิตราบรื่น และประสบความสำเร็จด้วยการแสดงผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ และเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้าแผ่นดิน นางได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นกุลสตรีที่มีทั้งความงามและปัญญาควบคู่กันไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น